ยังไม่มีงานวิจัยทางการแพทย์ใดๆที่แนะนำปริมาณในการดื่มที่เป็นเลขชัดๆ แต่เราแนะนำให้ดื่มเป็นประจำทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 กล่องควบคู่ไปกับการบาลนซ์การกินอาหารที่มีประโยชน์อื่นๆร่วมด้วย อยากรู้ว่านมเปรี้ยวที่เราจะดื่มมีแคลเท่าไหร่ เช็คได้เลย นอกจากนี้เรื่องเวลาในการดื่มนมก็สำคัญ เวลาที่เหมาะแก่การดื่มนมเปรี้ยวมาก คือช่วง 12. 00-15. 00 น. สำหรับนมเปรี้ยวสูตรไขมันต่ำเพราะการดื่มหลังมื้ออาหาร จะช่วยให้ลำไส้เล็กย่อย และดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น และแนะนำให้ดื่มนมเปรี้ยวรสผลไม้ช่วง 15. 00-17. เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายขับถ่ายของเสียที่สำคัญยังช่วยให้กระเพราะปัสสาวะทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย อ่านต่อเรื่องเวลาดื่มนมได้ ที่นี่
หลายคนอาจจะรู้เพียงว่าการดื่มนมนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่อาจยังไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วหากเลือกดื่มนมตามเวลาที่เหมาะสมก็จะยิ่งช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพได้ ว่าแต่การเลือกดื่มนมในแต่ละช่วงเวลานั้นดีต่อสุขภาพอย่างไร เรามีคำตอบมาบอกค่ะ ช่วงเวลา 05. 00 – 07. 00 น. ช่วงเวลานี้ควรดื่มนมเปรี้ยวที่มีจุลินทรีย์ เพราะเป็นช่วงที่ลำไส้ใหญ่เริ่มทำงาน เพราะจุลินทรีย์ในนมเปรี้ยวจะไปช่วยกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ระบบขับถ่ายมีการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วงเวลา 07. 00 – 09. ช่วงเวลาอาหารมื้อเช้า การดื่มนมพาสเจอร์ไรส์ หรือมอลต์ในช่วงเวลานี้จะช่วยทำให้กระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารให้ดีขึ้น ช่วงเวลา 09. 00 – 12. การดื่มนมผสมโยเกิร์ต หรือกินโยเกิร์ตไขมันต่ำ จะสามารถไปช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองให้มีประสิทธิภาพ มีความจำที่ดี ช่วงเวลา 12. 00-15. เป็นช่วงเวลาการทำงานของระบบย่อยอาหาร ของกระเพาะกับลำไส้เล็ก หากดื่มนมเปรี้ยวในช่วงเวลานี้จะไปช่วยให้ลำไส้เล็กย่อยและดูดซึมอาหารได้ดียิ่งขึ้น แนะนำดื่มหลังอาหาร ช่วงเวลา 15. 00 – 17. ควรเลือกดื่มนมเปรี้ยวอีกครั้ง เพราะเป็นช่วงเวลาการทำงานของกระเพาะปัสสาวะและเพื่อช่วยทำให้ระบบการทำงานของกระเพาะปัสสาวะขับถ่ายของเสียได้ดียิ่งขึ้น ช่วงเวลา 17.
เผยแพร่: 10 มิ. ย. 2556 21:22 โดย: MGR Online "นมเปรี้ยว" นมอีกชนิดหนึ่งที่หลายคนนิยมดื่มกัน เกิดจากการหมักจุลินทรีย์ในนมจนเกิดรสเปรี้ยว และอาจเติมแต่งสี กลิ่น รส ให้เป็นที่น่ารับประทาน ซึ่งนมเปรี้ยวไม่ได้ให้แค่เพียงรสชาติที่อร่อยเท่านั้น เพราะนมเปรี้ยวอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกายผู้บริโภค และที่สำคัญนมเปรี้ยวนั้น ยังช่วยดูแลระบบย่อยอาหารของเราได้เป็นอย่างดี 1. รักษาอาการท้องเสีย การดื่มนมเปรี้ยวที่เกิดจากวิธีการหมักจะเป็นนมเปรี้ยวที่มีทั้งกรดแลคติก และเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิตอยู่ในน้ำนม ทุกครั้งที่ดื่มนมเปรี้ยว ไม่เพียงแต่ได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์เท่านั้น แต่ยังได้รับจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตจำนวนหนึ่งเข้าสู่ร่างกาย จุลินทรีย์เหล่านี้จะช่วยปรับสภาพของลำไส้ให้กลับมาอยู่ในภาวะสมดุลอีกครั้ง และทำให้อาการท้องเสียหายไปได้ รวมถึงสามารถรักษาโรคท้องเดินและแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย ซึ่งจุลินทรีย์ที่มีชีวิตนี้คือตัวการสำคัญที่ทำให้นมเปรี้ยวมีคุณค่าต่อร่างกาย 2. ยกระดับภูมิคุ้มกันโรคให้สูงขึ้น จุลินทรีย์ในนมเปรี้ยวไม่เพียงแต่ป้องกันและรักษาโรคได้ แต่ยังมีคุณสมบัติกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สูงขึ้นด้วย และยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเชื้อแลคโตบาชิลัสจะช่วยควบคุมปริมาณคลอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด นอกจากนี้เชื้อแลคโตบาซิลัสยังมีส่วนช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โดยเชื้อแลคโตบาชิลัสสามารถจับกับสารก่อมะเร็ง จับกับโลหะหนักและกรดน้ำดี ซึ่งมีพิษยับยั้งกลุ่มแบคทีเรียในลำไส้ที่สร้างสารไนเตรท (สารไนเตรทเป็นสารก่อมะเร็งตัวหนึ่ง) 3.
00 – 21. เป็นช่วงที่ร่างกายต้องการพักผ่อน การดื่มนมที่มีวิตามิน C และ E แทนอาหารเย็น จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและหัวใจได้ดี ช่วงเวลา 21. 00 – 23. การดื่มนมอุ่น ๆ ในเวลานี้จึงเหมาะสมที่สุด และเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีที่สุดอีกด้วย ให้คะแนนบทความนี้ [คะแนนบทความนี้: 2. 6]
คนที่ดื่มนมเปรี้ยวเป็นประจำ น่าจะทราบคำตอบแล้ว แต่วันนี้ดิฉันขอนำมาตอบสำหรับคนที่ยังไม่ทราบหล่ะกันค่ะ แม้นมเปรี้ยวจะให้พลังงานเพียง 70 กิโลแคลอรี่ซึ่งถือว่าน้อยมาก หากเราเปรียบเทียบกับปริมาณอาหารในและมื้อที่ร่างกายมนุษย์ต้องการ แต่ทราบไหมว่า? ในนมเปรี้ยวมีอัตราน้ำตาลไม่ต่ำกว่า 3 ช้อนชาต่อขวด (เล็ก ๆ ที่เราดื่มกันเลยทีเดียว) ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น หากเราดื่มนมเปรี้ยววันละ 3 ขวดเราจะได้ปริมาณน้ำตาลสูงถึง 9 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งแน่นอนเกินความต้องการของร่างกาย จึงอาจจะเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน หรือ โรคอ้วนได้ ดังนั้นแนะนำดื่มเพียงวันละขวดพอแล้วค่ะ และไม่จำเป็นต้องดื่มทุกวัน หรือยกตัวอย่าง นมเปรี้ยวยาคูลท์ 1 ขวด ให้พลังงาน 71 Kcal และมีปริมาณน้ำตาลเท่ากับ 3.