เนื้อสัตว์ เนื้อแดง ธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เป็น อาหารธาตุเหล็กสูง และธาตุเหล็กอยู่ในรูปฮีม ซึ่งเป็นอาหารที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้โดยตรง 2. ตับ เครื่องในจากสัตว์ ธาตุเหล็กพบมากในอาหารประเภทเครื่องในสัตว์ ตับ ซึ่งเด็ก ๆ อาจจะกินยาก ไม่ชอบกิน แม่อาจลองฝึกให้เด็กกินตั้งแต่เด็ก ๆ เช่น บดใส่ในข้าวบด พยายามทำให้เด็กคุ้นเคยกับกลิ่น กับรสชาติ ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหา เด็กไม่ยอมกินเมื่อโตขึ้น 3. อาหารทะเล ในอาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย ปู เป็นอาหารอีกชนิดที่มีธาตุเหล็กสูง แต่ก็มีราคาสูงเช่นกัน 4. ผักใบเขียว อาหารธาตุเหล็กสูง ถึงแม้ในเนื้อสัตว์ เครื่องใน จะมีธาตุเหล็กสูง แต่ในผักใบเขียวหลาย ๆ ชนิด ก็มีธาตุเหล็กสูงเช่นกัน เช่น ปวยเล้ง บรอกโคลี นอกจากนี้ ควรเสริมด้วยผัก ผลไม้ที่ช่วยดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีด้วย เพราะถึงกินอาหารธาตุเหล็กสูง แต่การดูดซึมธาตุเหล็กทำได้ไม่ดีก็เปล่าประโยชน์ เช่น อาหารที่มีวิตามินซี จะช่วยในการดูดซึมเหล็ก เช่น บรอกโคลี่ ฝรั่ง ลิ้นจี่ เงาะ ส้ม สตรอเบอรี่ มะละกอ สับปะรด 5.
7% หรือ 2% เหล็กชนิดนี้มีความเหนียวมากกว่าเหล็กหล่อทำให้สามารถทำการขึ้นรูปโดยใช้กรรมวิธีทางกลได้ ทำให้เหล็กชนิดนี้ถูกนำไปใช้งานอย่างกว้างขวาง จึงพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น เหล็กเส้น เหล็กแผ่น เหล็กโครงรถยนต์ ท่อเหล็กต่างๆ ฯลฯ เหล็กกล้าสามารถแบ่งได้เป็นกลุ่มต่างๆได้คือ เหล็กกล้าคาร์บอน (carbon steel) เป็นเหล็กที่มีคาร์บอนเป็นส่วนผสมหลัก โดยอาจมีธาตุอื่นผสมอยู่บ้างแต่ไม่ได้เจาะจงจะผสมลงไป มักติดมาจากกรรมวิธีการถลุงและการผลิต เราสามารถแบ่งย่อยกว้างๆออกได้ 3 ประเภทโดยพิจารณาตามปริมาณของธาตุคาร์บอนที่ผสม คือ เหล็กคาร์บอนต่ำ (low carbon steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำกว่า 0. 2% เหล็กชนิดนี้มีความแข็งแรงต่ำสามารถรีดหรือตีเป็นแผ่นได้ง่าย ตัวอย่างเหล็กเช่น เหล็กเส้น เหล็กแผ่นที่ใช้กันทั่วไป เหล็กกล้าคาร์บอนปานกลาง (medium carbon steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนอยู่ระหว่าง 0. 2-0. 5% เป็นเหล็กที่มีความแข็งแรงสูงกว่าเหล็กคาร์บอนต่ำ ใช้ทำชิ้นส่วนของเครื่องจักรกลทั่วไป เหล็กประเภทนี้สามารถทำการอบชุบความร้อนได้ เหล็กกล้าคาร์บอนสูง (high carbon steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนสูงกว่า 0.
เนื้อไก่บ้าน เนื้อแดงๆ ของเนื้อสัตว์จำพวกเนื้อวัว เนื้อหมู เป็นแหล่งของธาตุเหล็กชั้นดีที่เรียกว่า สารประกอบฮีม (heam iron) ซึ่งร่างกายของเราสามารถดูดซึมไปใช้งานได้ 20-30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวค่ะ แต่ใครจะรู้ว่าเนื้อไก่บ้านส่วนปีกและสะโพกนั้นให้ธาตุเหล็กสูงถึง 16. 9 มิลลิกรัมต่อปริมาณ 100 กรัม และในขณะที่เนื้อหมูในปริมาณที่เท่ากันนั้นให้ธาตุเหล็ก 14 มิลลิกรัม และเนื้อวัวที่ 8. 1 มิลลิกรัมค่ะ 2. บลอคโคลี่ นอกจากเนื้อสัตว์แล้วในพืชผักโดยเฉพาะผักใบเขียวเข้มอย่างบลอคโคลี่แสนอร่อยก็เป็นแหล่งของธาตุเหล็กเช่นกันค่ะ แต่อยู่ในรูปแบบของ สารประกอบที่ไม่ใช่ฮีม (nonheam iron) คือ ร่างกายสามารถดูดซึม 3 – 5 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากอาหารประเภทนี้ต้องอาศัยกรดเกลือในกระเพาะอาหาร ไปช่วยทำให้ธาตุเหล็กออกมาจากอาหารก่อนและร่างกายของเราจึงจะดูดซึมไปใช้ได้ค่ะ 3. ไข่ไก่(แดง) ไข่แดงที่ไม่ว่าจะจากไข่ไก่หรือไข่เป็ดล้วนแต่เป็นแหล่งธรรมชาติของธาตุเหล็กสูง ในประเภท สารประกอบฮีม (heam iron) ที่ร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ได้ดี มีประโยชน์และหารับประทานได้แบบง่ายๆ ซึ่งธาตุเหล็กที่มีอยู่ในไข่ไก่โดยเฉพาะไข่แดงมีปริมาณ 6. 3 มิลลิกรัม ส่วนในไข่แดงของไข่เป็ดนั้นมีธาตุเหล็กอยู่ 5.