5 เมตร แพะป่วยให้แยกขังไว้ในคอกสัตว์ป่วยต่างหาก จนกว่าจะหายดีแล้วจึงค่อยนำเข้ารวมฝูงเดิมใหม่ นอกจากนี้ควรถ่ายพยาธิ แพะ เป็นประจำตามโปรแกรมทุกๆ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้แพะแข็งแรงและควร ดูแลแพะหลังหย่านมเป็นพิเศษด้วยการเสริมอาหารที่มีคุณภาพดี โรคท้องอืด เกิดจากกินหญ้าอ่อนมาเกินไป หรืออาหารข้นที่มีโปรตีนสูงมากเกินไป ( เกิน 3% ของน้ำหนักตัว) หรือการที่แพะป่วยและนอนตะแคงด้านซ้าย การแก้ไขผู้เลี้ยงแพะต้องเจาะท้องเอาแก๊สออก และกระตุ้นให้แพะลุกขึ้นเดิน อ้างอิง
ฮัยโดรเจน เปอร์อ๊อกไซด์ ฮัยโดรเจนเปอร์อ๊อกไซด์ เป็นยาน้ำ เมื่อถูกแผลที่ผิวหนังจะแตกตัวเกิดเป็นออกซิเจน ฆ่าเชื้อได้ดีมาก เหมาะในการทำความสะอาดแผลหมักหมม แผลเน่าเปื่อย ลอกเนื้อตายออกจากแผล ฮัยโดรเจนเปอร์อ๊อกไซด์ ขององค์การฯ มีขนาด 30 มิลลิลิตร ขนาด 180 มิลลิลิตร ขนาด 450 มิลลิลิตร โรคผิวหนังที่พบบ่อย จากเชื้อแบคทีเรีย ที่เกิดจากเชื้อกรัมบวก สเตร็ปโตคอคคัส และสแตฟิโลคอคไค มักทำให้แผลอักเสบมีหนอง ได้แก่ อิมพิไทโก (Impetigo) เอ็กซ์ธัยม่า (Exthyma ขุมขนอักเสบ (Folliculitis) ฟูรันเคิล (Furuncle) อิริสิฟีลาส (Erysipelas) การรักษาควรทำดังนี้ 1. แผลอักเสบ บวม มีนํ้าเหลือง น้ำหนอง คัน ให้ทำการชะแผลด้วยยาชะแผล แผลสกปรก ทำความสะอาดด้วย ฮัยโดรเจนเปอร์อ๊อกไซด์ แผลมีหนองให้เจาะออก แผลผื่นคันก็ควรประคบด้วยยาน้ำก่อน 2. ทาแผลด้วยยาฆ่าเชื้อชนิดใดชนิดหนึ่ง ปิดแผลหรือเปิดแผลให้แล้วแต่ความจำเป็น ล้างแผล ทายา วันละ 3-4 ครั้ง 3. กินยาปฏิชีวนะด้วย 4. ถ้ามีไข้ ปวด ให้กินยา แก้ ไข้ แก้ปวด 5. เปลี่ยนยาทา ตามลักษณะแผลที่เปลี่ยนไป เช่น จากยาน้ำ เป็นยาครีม หรือขี้ผึ้ง
วี ขนาดตามอายุดังกล่าว ดูแลเช่นนี้ 2-3 วัน ถ้ารู้สึกดีขึ้น ก็ควรกินเพน. วี ติดต่อกันจนครบ 10 วัน มิเช่นนั้น อาจกลายเป็นโรคไต หรือ ไข้รูห์มาติค (ดูเรื่อง "ไข้รูห์มาติค-เจ็บในคอ, ปวดในข้อ, หัวใจรั่วใน "หมอชาวบ้าน" ปีที่ 1 ฉบับที่ 2) เป็นแผลหรือฝีที่เท้า บางครั้งไข่ตันบวมและปวด ให้พักผ่อน ห้ามเดินมาก พยายามนอนยกเท้าสูง (โดยใช้หมอนรองเท้าไว้) กินยาแก้ปวดลดไข้ ถ้ามีอาการปวดหรือเป็นไข้ ชะล้างแผลด้วยน้ำด่างทับทิม (ด่างทับทิม ผสมน้ำอุ่นเป็นสีชมพู) และให้กินยา เพน. วี ขนาดตามอายุดังกล่าว เป็นเวลา 7-10 วัน เด็กเป็นแผลพุพองตามตัว, ตามศีรษะ (ที่เรียกว่า ชันตุ) ใช้ชะแผลด้วยน้ำด่างทับทิม กินยา เพน. วี น้ำเชื่อม ตามขนาดดังกล่าว 7-10 วัน
เข้าใจและยอมรับมัน 2. ปฏิเสธและเดินออกจากประเทศไทยไป ผมก็ไม่ได้หมายถึง ว่าที่คนไทยเรา ทำทั้งหมด ทั้งในเรื่องมารยาทพื้นฐาน วัฒนธรรมสากล เช่นต่อคิว ไม่พูดแทรกจะไม่ดีน่ะครับ แต่ที่นี่ ไทยแลนด์ นักท่องเที่ยว หรือ คนต่างชาติที่เข้ามาพึ่งบารมีคนไทยอยู่ ต้องเข้าใจ และยอมรับ ( บ้าง) เท่านั้นเอง ปล. เข้าใจ ไม่ได้หมายความว่า เห็นด้วยน่ะครับ สิ่งไม่ดี อาจจะเข้าใจ แต่ไม่เห็นด้วยได้ อยู่ที่การแสดงออกในสังคม เห็นม่ะ ไปได้เรื่อยๆเรื่องนี้ ผมล่ะเซง้มาก เจอฝรั่งแบบนี้ แม้จะแปลไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็เหอะ เสือย้อย โพสต์: 123 ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ต. 2007, 12:34 โดย apotheker » 23 มิ. 2008, 16:54 ไปกรุงเทพ2วันกลับมาเซ็งกับการขายยาให้คนพวกนี้อีกแล้วครับ จนบางทีรู้สึกท้อ เห็นเค้าเทียบราคาร้านเรากับร้านหมอตี๋ ทำไมร้านเภสัชถึงต้องขายยาราคาเท่ากันกับร้านหมอตี๋ด้วย แล้วเรากระเสือกกระสนเรียนเภสัชทำไม หรือจัดยาตามร้านหมอตี๋ให้หน่อย เอาตัวอย่างมาให้ดู มีnsaids2ตัวคลายกล้ามเนื้อ1เม็ด สเตียรอยด์1เม็ดและยาล้างไต1เม็ด ถามตัวเองมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ตรงที่เค้าไม่ได้เห็นคุณค่าของเราแม้แต่น้อย ย้อนกลับไปยัง ลาเต้ ผู้ใช้งานขณะนี้
หลักการใช้ยาปฏิชีวนะกับโรคผิวหนัง 1. คล้ายกับการใช้ยาปฏิชีวนะทั่วไป คือ ถ้าเป็นไปได้ ควรให้ยาปฏิชีวนะหลังจากทำการเพาะเชื้อ หรือทดสอบทางห้องแลป จะทำให้เชื้อไม่ดื้อยา และได้ผลดีหากจะต้องรักษาเป็นเวลานาน ในกรณีที่ติดเชื้อเฉียบพลัน (เช่น เซลลูไลติส) ถ้ารอผลการเพาะเชื้อ โรคจะลุกลามอย่างรวดเร็ว อาจจะเริ่มต้นด้วยยาปฏิชีวนะชนิดกว้าง ไม่ควร ใช้คลอแรมเฟนิคอล ข้อสังเกต คนไข้ประเภทอะโทรปิค แพ้เพนิซิลลินง่าย และไม่ควรใช้เพนิซิลลินในคนไข้ที่ติดเชื้อราอยู่ด้วย 2. ยาทา พวกนีโอมัยซิน ฟรามัยเซติน ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย 3. ยาปฏิชีวนะชนิดกว้าง (เช่น เตตราซัยคลิน) ควรใช้เฉพาะในระยะสั้น หากใช้นานๆ จะเกิดการดื้อยา 4. เคมีวัตถุ ที่ใช้ฆ่าเชื้อโรค อาจทำให้เกิดแพ้ หรือระคายผิวหนังได้ 5. ควรระวัง ยาฆ่าเชื้อ ที่ผสมสเตียรอยด์ เนื่องจากสเตียรอยด์ทำให้โรคแสดงอาการมากขึ้นในภายหลัง 6. อื่นๆ ยาทาฆ่าเชื้อโรค 1. ฟีนอล (คาร์โบลิค), ครีโซล, รีซอร์ซินอล (Phenol, Cresol, Resoricinol) ฟีนอล (Phenol) ในความเข้มข้น 0. 2% ฟีนอลมีฤทธิ์หยุดยั้งการเติบโตของเชื้อโรค (Bacteriostatic) 1% ขึ้นไป ฟีนอล มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค (Bacteriocid) และหากเกิน 1.
ควรพบแพทย์ทันที หากมีอาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้ พบน้อย (อาจเกิดขึ้นหลังหยุดยาเป็นสัปดาห์หรือเดือน) ผิวซีด, เจ็บคอ และมีไข้, มีเลือดออกผิดปกติ หรือจ้ำเลือด, เหนื่อยเพลีย พบน้อยมาก คัน, ผิวหนังแดง บวม หรือมีอาการระคายเคืองโดยที่เคยเป็นมาก่อน ข. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาหรือหยุดยาไปแล้วเนื่องจากร่างกายจะปรับตัว เข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนาน หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน พบน้อย รู้สึกแสบร้อน ค.
Acne\Scar: การดูแลรักษาบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก (Burn Management)
ค. 2008, 13:07 doraemon โพสต์: 445 ลงทะเบียนเมื่อ: 10 มี. 2004, 19:53 ที่อยู่: สมุทรสงคราม YIM Re: ทำไมคนไทย (ส่วนใหญ่)ถึงเป็นอย่างนี้กันนักนะ โดย apotheker » 14 มิ. ย. 2008, 18:52 กรรมเป็นผลของการกระทำ อันนี้การกระทำก็คือ การแขวนป้ายของเภสัชกร-->ผู้บริโภคไม่เชื่อถือบทบาทของร้านยา--> เชื่อคนอื่นมากกว่าเช่นเพื่อนที่บอกว่าเคยเป็นแล้วใช้ยานี้แล้วหาย-->ไม่เชื่อเราเพราะไม่รู้ว่าเราต่างจากหมอตี๋อย่างไร apotheker Global Moderator โพสต์: 2435 ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก. พ. 2004, 11:48 ที่อยู่: simcity เว็บไซต์ ICQ YIM โดย Satapat » 14 มิ. 2008, 19:18 สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม วาทะอรรมตะของแพทย์ "ก่อนใช้ยาควรปรึกษาแพทย์"----> สาเหตุการตายอันดับ3ของชาวอเมริกา มาจากใบสั่งยาของแพทย์รองจากโรคหัวใจและโรคมะเร็ง ไม่รู้เมืองไทยอันดับที่เท่าไหร่555+ Satapat โพสต์: 96 ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ. 2007, 20:31 โดย azzuri » 16 มิ. 2008, 12:09 เอาสรุปเอาเองนะครับว่า คนไทยอะ วางฟอร์ม กลัวคนอื่นจะรู้ว่าตัวเองไม่รู้ ส่วนเรื่องมีเภสัชไว้ทำไม....... ไม่ความเห็นเพราะผมก้อตอบไม่ได้ว่ามีไว้ทำอะไร เภสัชกร = เภสัชกรรม + กรรมกร อยากให้โลกนี้ไม่มีโชคร้าย Welcome to My Life Casa di AzzurRi = บ้านของนาย อัซซูร์รี่ azzuri โพสต์: 777 ลงทะเบียนเมื่อ: 08 มี.