ถ้าคุณครู หรือคุณพ่อคุณแม่ เจอเด็กพูดคำหยาบเพราะกำลังโกรธ หรือโมโห ให้พูดว่า " หนูโกรธอยู่ใช่มั้ย มีอะไรอยากเล่าให้ครู / พ่อ / แม่ ฟังมั้ย " การพูดแบบนี้ ทรงพลังกว่าที่คนทั่วไปคิด เพราะมันสื่อว่าถึงการยอมรับความรู้สึกของเด็กว่าจริง หลายครั้งผมเห็นผู้ใหญ่หลายคนพูดในเชิงไม่ยอมรับความรู้สึกเด็ก และใช้การตัดสิน เช่น " เรื่องแค่นี้เอง ต้องโกรธขนาดนี้เลยหรอ " " โกรธแบบนี้ เป็นบ้าหรือยังไง " ซึ่งจะส่งผลต่อความรู้สึกแค้นใจ และเด็กอาจจะแก้แค้นผู้ใหญ่ในภายหลัง 6. ให้การเสริมแรง (Encouragement) เมื่อลูกพูดเพราะ ตามโอกาสที่เหมาะสม เช่น "ลูกพูดจาเพราะน่าฟังจังเลย ลูกเก่งมาก ๆ เลย พยายามทำต่อไปนะ เพราะมันจะทำให้คนรอบข้างรู้สึกดี และสบายใจที่จะอยู่ใกล้ลูก" การแก้ไขพฤติกรรม ที่ไม่พึงประสงค์ของเด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการ พูดคำหยาบ หรือพฤติกรรมอื่นใดก็ตาม เป็นเรื่องที่คุณครู หรือคุณพ่อคุณแม่ ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงในการควบคุมสติตัวเอง รู้ว่าควรพูดอะไร ไม่ควรพูดอะไรในขณะที่เห็นเด็กพูดคำหยาบ ประกอบกับต้องมีเทคนิค และเครื่องมือที่ถูกต้อง การปรับพฤติกรรมต้องอาศัยเวลา ความอดทน และความสม่ำเสมอ อันจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่พฤติกรรมเชิงบวกที่ยั่งยืน อ.
พูดว่า " ครู / พ่อ / แม่ ไม่ชอบฟังคำหยาบคาย หนูใช้คำอื่นพูดแทนคำว่า ….. แทนได้มั้ย " หากเตือนแล้ว เด็กไม่หยุด ให้พูดว่า " ครู / พ่อ / แม่ จะไม่ทนฟังหนูพูดคำหยาบคาบแบบนี้ " แล้วให้เดินหนีออกไป (Ignoring) 2. ลองใช้เทคนิค และคำพูดนี้เป็นทางเลือก เช่น " ครู / พ่อ / แม่จะนับทุกครั้งที่หนูพูดคำหยาบ " วิธีนี้จะช่วยให้เด็กระมัดระวังการพูดมากขึ้น เพราะรู้ว่าคุณครู หรือคุณพ่อคุณแม่ไม่พอใจกับพฤติกรรมนี้อยู่ 3. ใช้ Time Ins ในการโค้ช โดยการหามุมเงียบ ๆ ที่เราจะได้อยู่กับเด็ก 2 คน ไม่มีอะไรรบกวน แล้วถามคำถามตามลำดับ ดังนี้ พร้อมกับแนะนำคำตอบที่เหมาะสม หากเด็กตอบบ้างไม่ตอบบ้าง หรือไม่ยอมตอบเลย " รู้ไหม ทำไมมานั่งตรงนี้กับ ครู / พ่อ / แม่ " " แล้วรู้ไหม คำที่พูดออกมานี้ แปลว่าอะไร " " คำที่พูดออกมา อาจจะดูเป็นคำที่สนุก แต่หนูคิดว่า เหมาะสมหรือไม่ และคนฟังจะคิดอย่างไร เมื่อได้ยิน " " เรามาวางแผนกัน เราจะพูดอย่างไรในครั้งหน้า " และใช้โอกาสนี้ในการโค้ช เช่น การพูดว่า " ตอนนี้ หนูอารมณ์ไม่ดีมาก ๆ ที่ …………" ดีกว่าการพูดว่า " แม่ง เหี้ … เกลียด ……… ชิบหา …. " 4. สำหรับเด็กเล็ก โดยเฉพาะวัยอนุบาล ให้คุณครู หรือคุณพ่อคุณแม่พูดว่า " เรามาพูดคำว่า … กันดีกว่า " และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดทางลบ เช่น " ห้ามพูดแบบนี้นะ เดี๋ยวตบปากเลย " " ถ้าไม่หยุดพูด แม่จะตี " ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มความถี่ให้พฤติกรรมไม่ดี 5.
เจน สำเร็จการศึกษาบัณฑิต () และการศึกษามหาบัณฑิต () สาขาหลักสูตร และการสอน และศิลปศาสตร์บัณฑิต (B. A. )
การศึกษาไทยควรเตรียมความพร้อมให้เด็กก้าวสู่ยุคดิจิทัลและนวัตกรรมได้อย่างรู้เท่าทัน ไม่ใช่แค่ความรู้ในการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น แต่เป็นการฝึกทักษะ วิธีคิด และความรู้ความสามารถ นำผู้เรียนไปสู่ 'การเรียนรู้วิธีการสร้างการเรียนรู้' (learning how to learn) ด้วยตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้เด็กได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่สนใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนที่รู้จักลูกดีที่สุด คือ พ่อแม่ ดังนั้น พ่อแม่ควรให้ความสำคัญและสนับสนุนสิ่งที่ลูกสนใจ กลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า สิ่งที่ลูกสนใจนั้นสามารถต่อยอดด้วยทรัพยากรที่มีอยู่แล้วได้หรือไม่ หรือทำอย่างไรได้บ้าง?
การเรียกร้องความสนใจจากผู้ใหญ่ (Attention Seeking) ซึ่งเป็นเรื่องปกติทั้งในเด็กเล็ก และเด็กโต โดยเฉพาะหากเด็กรู้สึกว่าไม่ได้รับความใส่ใจ หรือเวลาจากพ่อแม่ หรือครู หากเราให้ความสนใจกับพฤติกรรมนั้น ๆ โดยการเข้าไปต่อว่า 2. ต้องการทดสอบอำนาจของตัวเอง (Testing Power) โดยการพูดคำหยาบท้าทายผู้ใหญ่ และรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง โดยทั่วไปมักจะจบลงด้วยการทะเลาะกัน (Power Struggle) ซึ่งไม่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใด ๆ 3.
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เลขที่ 50 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2579-0113, 0-2942-8500-11 โทรสาร 0-2942-8998